วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

sky drive

Skydrive คืออีกหนึ่งบริการดีๆ จาก Microsoft Windows Live

windows live sky drive Skydrive คืออีกหนึ่งบริการดีๆ จาก Microsoft Windows Live

มีโอกาสได้นั่งพูดคุยถึงผลิตภัณฑ์ของ Windows Live ของ Microsoft กันช่วงเช้าประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า เช้าวันแรกที่ลอนดอนก่อนจะกิจข้าวเช้ากันครับ ก็คุยกันเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หลายๆ ตัว แต่อันนึงที่ผมสนใจมากเป็นพิเศษและอยากจะเขียนลงบล็อกมากกว่าตัวอื่นๆ คือบริการใหม่ที่มีมาให้เมื่อไม่นานมานี้สำหรับผู้ใช้ Hotmail หรือ Windows Live คือบริการที่มีชื่อว่า Skydrive

Skydrive เป็นบริการสำหรับฝากข้อมูลต่างๆ เสมือนเป็นพื้นที่จัดเก็บไฟล์ขนาดใหญ่ที่ Windows Live ให้กับคนที่ใช้งาน ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นผมว่าหลายๆ คนคงรู้จัก Dropbox หรือ Google Drive อันนี้จะใกล้เคียง Dropbox มากกว่า เป็นบริการ Crowd Hosting รูปแบบหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมครับ

windows live skydrive 150x150 Skydrive คืออีกหนึ่งบริการดีๆ จาก Microsoft Windows Liveข้อดีของ Skydrive ข้อแรกคือเรื่องของพื้นที่ครับ Skydrive ให้พื้นที่แก่ผู้ใช้ถึง 25 GB สามารถฝากไฟล์ได้สูงสุดขนาดไฟล์ละ 50MB ต่อไฟล์ครับเยอะมากทีเดียว แย่หน่อยถ้าจะฝากวิดีโอขนาดใหญ่ๆ ที่เหลือสบายครับ อีกอันนึงของการใช้งานสะดวกมากสำหรับการฝากไฟล์ประเภท Microsoft Word เพราะนอกจากพื้นที่แล้ว การจัดการเอกสารพวกนี้สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ ทันทีผ่านเว็บครับ ซึ่งเป็นปกติที่เราใช้ MS Word,Exel กันอยู่เป็นปกติ นำเอกสารไปฝากและแก้ไขได้สะดวกสุดๆ และสุดท้ายเรื่องการแชร์ให้กับเพื่อนๆ หรือบุคคลที่เราต้องการได้ โดยบริการสามารถกำหนดได้ด้วยว่าจะให้ใครเข้ามาเห็นไฟล์ไหน ได้ครับ สามารถจำกัดการเข้าถึงไฟล์ต่างๆ เหล่านั้นบน Website เข้าไปลองใช้กันได้เลยครับ เพราะมีเมนูนี้ขึ้นมาด้านบนให้เริ่มเข้าไปใช้งานกันได้เลย


SkyDrive and Office





  
คุณสมบัติเด่

การเข้าถึงไฟล์ผ่านพีซีหรือ Mac

เมื่อติดตั้ง SkyDrive ในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องของคุณ คุณจะสามารถเข้าถึงไฟล์เวอร์ชันล่าสุดของคุณโดยอัตโนมัติไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใด 

 การแบ่งปันกับบุคคลอื่นอย่างง่ายดาย
แบ่งปันไฟล์และรูปถ่ายที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกับ เพื่อนๆ ของคุณ เพียงแค่เพื่อนของคุณมีเว็บเบราว์เซอร์ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการจำกัดขนาดสิ่งที่แนบหรือซอฟต์แวร์ที่พวกเขาใช้
  
การเข้าถึงด้วยโทรศัพท์มือถือ
คุณจะสามารถใช้งานรูปถ่ายและไฟล์ในโฟลเดอร์ SkyDrive บนพีซีของคุณได้โดยอัตโนมัติในโทรศัพท์ของคุณ ดาวน์โหลดโปรแกรมหรือเพียงแค่ใช้เบราว์เซอร์บนโทรศัพท์


วิธีการใช้งาน Windows Live SkyDrive


หลายคนที่ใช้งานชุดบริการของ Windows Live ของบริษัท Microsoft จะคุ้นเคยกับบริการต่างๆ เช่น
  • Windows Live Mail
  • Windows Live Spaces
  • Windows Live Messenger
  • Windows Live Photo Gallery
  • Windows Live SkyDrive
ซึ่งตัวสุดท้ายคือ SkyDrive มีมาได้สักพักนึงแล้ว แต่ไม่เคยได้สนใจเลย
วันนี้เลยถือโอกาสเอามาเขียนไว้ใน Blog ละกัน SkyDrive เหมือนเป็นไดร์ฟออนไลน์บนอินเตอร์เน็ต
ที่ให้พื้นที่ในการอัพโหลดไฟล์สูงถึง 25 GB ซึ่งสามารถเข้าถึงไฟล์ที่ฝากไว้ได้ทุกที่ ที่ต่ออินเตอร์เน็ต
โดยผู้ใช้งานต้องมี Account ของค่าย Microsoft ได้แก่ @MSN, @Hotmail และ @Live

ข้อดีคือ
  1. พื้นที่ฟรีถึง 25 GB (สุดยอด)
  2. สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต เหมือนมีที่เก็บไฟล์ออนไลน์
  3. ผู้อื่นสามารถใช้ไดร์ฟร่วมกับเราได้ (ต้องมี Account ของ Microsoft)
  4. สามารถกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงไฟล์และโฟลเดอร์ของเพื่อนแต่ละคน
  5. สามารถกำหนดสิทธิ์เพื่อนแต่ละคนในการจัดการไฟล์ในโฟลเดอร์ได้
  6. แบ่งปันไฟล์กับผู้อื่นเป็นสาธารณะ
  7. สร้างโฟลเดอร์เองในไดร์ฟได้
  8. นำ URL และ Embed ไปใช้ในเว็บได้ เหมือนเป็นที่ฝากรูปฝากไฟล์
  9. ใช้งานง่ายเช่นเดียวกับหน้าต่างวินโดวส์

แหล่งอ้างอิง
 http://www.youtube.com/watch?v=D6O9J_EzmqE
 http://blog.butthun.com/tech-news/windows-live-skydrive/#.UFKqMKDDRa8
 http://windows.microsoft.com/th-TH/skydrive/home
 http://bombik.com/node/79/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-windows-live-skydrive

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

ความรู้เกี่ยวกับ Social Network

Social Network   
           social network   คือ   สังคมของโลกแห่งอินเตอร์เน็ท  หรือเรียกว่าสังคมของมนุษย์ที่ติดต่อสื่อสารกันด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ  ไม่ว่าจะเป็นทางด้านอินเตอร์เน็ท ทางโทรศัพท์ ทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และอื่น ๆ ที่ไร้สาย
ในโลกอินเทอร์เน็ตปัจจุบันนี้รูปแบบของเว็บไซต์ที่เป็น โซเชียล เน็ตเวิร์คได้มีเพิ่มมากขึ้นอย่างมากมาย ซึ่งเว็บในรูปแบบของโซเชียล เน็ตเวิร์ค คือ เว็บที่คุณสามารถ “สร้าง” ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเพื่อนได้ผ่านเว็บไซต์ในรูปแบบเชื่อมโยงเป็นโครง ข่ายจาก เพื่อนสู่เพื่อน ทำให้ติดต่อสื่อสารกันสะดวกมากยิ่งขึ้นแต่ในทางกลับกันก็มีภัยด้านมืดของโซ เชียลเน็ตเวิร์คที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว‘การใช้งานโซเชียล เน็ตเวิร์กที่แพร่หลาย พบว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ที่เป็นนักเรียน  นักศึกษา  มีเพียง 4 ใน 100       คนที่รู้ด้านลบของการใช้ โซเชียล เน็ตเวิร์ก  และรู้ว่าต้องใช้งานอย่างระมัดระวัง’  เป็นคำกล่าวของ ปริญญา หอมเอนก  นักวิชาการและกรรมการและเลขานุการ สมาคมความมั่นคงปลอดภัยระบบสารสนเทศ ปริญญา มองว่า กระแสโซเชียล เน็ตเวิร์กที่มาแรงมากๆ แต่การเล่นโซเชียล เน็ตเวิร์กกำลังกลายเป็นดาบสองคม   ถ้าใช้ไม่ระวังก็จะเป็นภัยกับตัวเอง  รวมทั้งองค์กร  โดยเฉพาะการทวิต หรือ โพสต์ข้อมูลที่อาจเป็นช่องโหว่ให้อาชญากรไซเบอร์  ใช้เป็นข้อมูลในการคุกคามผู้ใช้ได้ง่ายๆ   

 ความหมายของเครือข่ายสังคม (Socail network) มีผู้อธิบายไว้หลายท่านดังนี้

ประดนเดช นีละคุปต์ (2551) อธิบายว่า เป็นการเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกันโดยทางใดทางหนึ่ง โดยอาศัยเทคโนโลยีเว็บ อนงค์นาฎ ศรีวิหค (2551) อธิบายว่า เป็นการเชื่ยมโยงประชากรเข้าด้วยกัน
อิทธิพล ปรีติประสงค์ กล่าวว่า
“เครือข่ายสังคมออนไลน์ เป็นปรากฎการณ์ของการเชื่อมต่อระหว่างบุคคลในโลกอินเทอร์เน็ต และ ยังหมายรวมถึง การเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายกับเครือข่ายสังคมออนไลน์ เข้าด้วยกัน ในแง่ของการให้ความหมายของคำว่า “เครือข่ายสังคมออนไลน์” นั้น คุณเก่ง หรือ กติกา สายเสนีย์ ในเว็บบล็อก http://keng.com/2008/08/09/what-is-social-networking/ ได้ให้ความหมายที่น่าสนใจว่า
Social Network คือ การที่ผู้คนสามารถทำความรู้จัก และเชื่อมโยงกันในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง หากเป็นเว็บไซต์ที่เรียกว่าเป็น เว็บ Social Network ก็คือเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงผู้คนไว้ด้วยกันนั่นเอง ตัวอย่างของเว็บประเภทที่เป็น Social Network เช่น Digg.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เรียกได้ว่าเป็น Social Bookmark ที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่ง และเหมาะมาก ที่จะนำมาเป็นตัวอย่าง เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น โดยในเว็บไซต์ Digg นี้ ผู้คนจะช่วยกันแนะนำ url ที่น่าสนใจเข้ามาในเว็บ และผู้อ่านก็จะมาช่วยกันให้คะแนน url หรือข่าวนั้น ๆ เป็นต้น
ในแง่ของการอธิบายถึงปรากฎการณ์ของเครือข่ายสังคมออนไลน์ ยังมีการอธิบายผ่านคำว่า Social network service หรือ SNS เป็นการเน้นไปที่การสร้างชุมชนออนไลน์ซึ่งผู้คนสามารถที่จะแลกเปลี่ยน แบ่งปันตามผลประโยชน์ กิจกรรม หรือความสนใจเฉพาะเรื่อง ซึ่งอาศัยระบบพื้นฐานของเว็บไซต์ที่ทำให้มีการโต้ตอบกันระหว่างผู้คนโดยแต่ ละเว็บนั้นอาจมีการให้บริการที่ต่างกัน เช่น email กระดานข่าว และในยุคหลังๆมานี้ เป็นการแบ่งปันพื้นที่ให้สมาชิกเป็นเจ้าของพื้นที่ร่วมกันและแบ่งปันข้อมูล ระหว่างโดยผู้คนสามารถสร้างเว็บเพจของตนเองโดยอาศัยระบบซอฟท์แวร์ที่เจ้าของ เว็บให้บริการ
ในขณะเดียวกัน Howard Rheingold ได้เขียนคำจำกัดความของคำว่า virtual Community ในหนังสือ virtual communy ว่าหมายถึง การสื่อสาร และ ระบบข้อมูล ของบรรดาเครือข่ายสังคม ซึ่งแบ่งปันในผลประโยชน์ร่วมกัน ความคิด ชิ้นงาน หรือ ผลลัพธ์บางประการที่มีการโต้ตอบกันผ่านสังคมเสมือนจริง ซึ่งไม่ถูกผูกพันโดยเวลา พรมแดน เขตแดนของหน่วยงาน และในทุกๆที่ที่บุคคลสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกันผ่านระบบออนไลน์ (คัดลอกจาก Virtual community)
ในขณะที่ การแบ่งหมวดหมู่ของเครือข่ายสังคมออนไลน์ อิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ ได้จำแนกหมวดหมู่ หรือ ประเภทของเครือข่ายสังคมออนไลน์ไว้ใน บทบาทของ Social Network ในอินเทอร์เน็ตยุค 2.0 โดยพิจารณาจากเป้าหมายของการเข้าเป็นสมาชิกในเครือข่ายสังคมออนไลน์ ได้เป็น ๕ กลุ่มใหญ่ๆ กล่าวคือ
(๑) Identity Network คือ การแสดงตัวตนและภาพลักษณ์ของตน เช่น http://www.hi5.com/ http://www.facebook.com/
(๒) Interested Network เป็นการรวมตัวกันโดยอาศัย“ความสนใจ” ตรงกัน เช่น Digg.com , del.icio.us
(๓) Collaboration Network เป็นกลุ่มเครือข่ายที่ร่วมกัน “ทำงาน” ยกตัวอย่างเช่น http://www.wikipedia.org/
(๔) Gaming/Virtual Reality หรือ โลกเสมือน ในบางครั้งเราเจอคำว่า second life ซึ่งเป็นลักษณะของเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีลักษณะเป็นการสวมบทบาทของผู้ เล่นในชีวิตจริงกับตัวละครในเกม และ (๕) Professional Network ใช้งานในอาชีพ “

Social Networking in Plain English


แหล่งอ้งอิง
 http://www.youtube.com/watch?v=fgqJi9JTEes
 http://stbuschool.wordpress.com/2010/02/20/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C-online-so/

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ 2550

พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ 2550
    พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ 2550 พรบ.ฉบับนี้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2550 และมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2550 เป็นต้นไป
    เนื่องจากคคอมพิวเตอร์เป็นส่วนหนึงที่ทำให้เกิดผลเสียและผลดี จึงทำให้ต้องมีมาตราการควบคุมเกิดขึ้น
ความผิดที่เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ. ฉบับนี้ 
       - การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ
       - การเปิดเผยข้อมูลมาตรการปองกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์
ที่ผู้อื่น
จัดทําขึ้นเป็นการเฉพาะ
       - การเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยไม่ชอบ
       - การดักรับข้อมูลคอมพิวเตอร์ ของผู้อื่น
       - การทําให้เสียหาย ทําลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติม
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยไม่ชอบ
       - การกระทําเพื่อให้ การทํางานของระบบคอมพิวเตอร์ ของผู้อื่น
ไม่สามารถทํางานได้ ตามปกติ
       - การส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ รบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ของคนอื่น
โดยปกติสุข
       - การจําหน่ายชุดคําสั่งที่จัดทําขึ้น เพื่อนําไปใช้เป็นเครื่องมือ
ในการกระทําความผิด
       - การใช้ ระบบคอมพิวเตอร์ ทำความผิดอื่น
ผู้ให้ บริการจงใจสนับสนุนหรือ ยินยอมให้มีการกระทําความผิด
       - การตกแต่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่เป็นภาพของบุคคล

ผู้ให้บริการตาม พ.ร.บ.นี้ สามารถจําแนก 4 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
         - ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม
       - ผู้ให้บริการการเข้าถึงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
       - ผู้ให้บริการเช่าระบบคอมพิวเตอร์
       - ผู้ให้บริการข้อมูลคอมพิวเตอร์ผ่าน application ต่างๆ
  
    ผู้ให้บริการทั้งที่เสียค่าบริการหรือไม่ ก็ตาม ต้องเก็บข้อมูลเท่าที่จําเป็น เพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ใช้ บริการได้ หากผู้ให้บริการไม่ได้เก็บข้อมูลผู้ใช้บริการไว้ ถือว่าทําผิดและอาจถูกปรับสูงถึง 500,000 บาท

ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
มาตรา ๕ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึง
โดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกิน
หนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๖ ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะ
ถ้านำมาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุก
ไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๗ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ
และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๘ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น
มิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน
สามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๙ ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือ
บางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน
หนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๐ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ต้องระวางโทษจำคุก
ไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๑ ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิด
หรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของ
บุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
มาตรา ๑๒ ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐

  1.ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันทีหรือ
ในภายหลังและไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกิน
สองแสนบาท
  2. เป็นการกระทำโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบ
คอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคง
ในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือการบริการสาธารณะ หรือเป็นการกระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือ
ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และ
ปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท
ถ้าการกระทำความผิดตาม
() เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ สิบปีถึงยี่สิบปี
มาตรา ๑๓ู้ใดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือ
ในการกระทำความผิดตามมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ หรือ
มาตรา ๑๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๔ ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือ
ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  ๑) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ
ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
  ๒) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด
ความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
  ๓) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง
แห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
  ๔) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและ
ข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
  ๕) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม ()
) () หรือ ()
มาตรา ๑๕ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๔
ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตาม
มาตรา ๑๔
มาตรา ๑๖ ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูล
คอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม
หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้น
เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือ
ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทำไม่มีความผิด
ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้
ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือ
บุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย
มาตรา ๑๗ ผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้นอกราชอาณาจักรและ
  ๑) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้นหรือ
ผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ หรือ
  ๒) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนต่างด้าว และรัฐบาลไทยหรือคนไทยเป็นผู้เสียหายและ
ผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ
จะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร

พรบ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ2550


วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ความรู้เรื่อง search engine

กายภาพบำบัด
    ประวัติ
   จุดเริ่มต้นของเวชศาสตร์ฟิ้นฟูในประเทศไทยนั้น เริ่มต้นขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยพลตรีนายแพทย์ขุนประทุมโรคประหาร ซึ่งปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ได้นำวิธีธาราบำบัดมาใช้ รักษาผู้ป่วยเป็นครั้งแรก ต่อมา ก็ได้มีการเริ่มงานทางด้านกายภาพบำบัดขึ้นที่โรงพยาบาลศิริราช และได้ก่อตั้งเป็นภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์และกายภาพบำบัด ขึ้นที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เมื่อปี พ.ศ 2507 และหลังจากนั้นเพียง 1 ปี ก็มีการก่อตั้ง "โรงเรียนกายภาพบำบัด สังกัดภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์และกายภาพบำบัด ขึ้นในปี พ.ศ. 2508 ที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ในขณะนั้น" แห่งแรกของประเทศขึ้น และพัฒนาจนเป็นคณะกายภาพบำบัดและวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวประยุกต์ และปัจจุบัน คือ คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล   กายภาพบำบัด (อังกฤษ: Physical Therapy หรือ Physio Therapy) เป็นวิชาชีพทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกัน รักษา และจัดการเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวที่ผิดปรกติ ที่เกิดขึ้นจากสภาพและภาวะของโรค ที่เกิดขึ้นในทุกช่วงของชีวิต
   กายภาพบำบัด จะกระทำโดย นักกายกายภาพบำบัด (PT) หรือผู้ช่วยนักกายภาพบำบัด(Physical Therapy Assistant) ภายใต้การดูแลและแนวทางของนักกายภาพบำบัด อย่างไรก็ตาม ได้มีการใช้การรักษาทางกายภาพบำบัดโดยผู้ประกอบวิชาชีพสุขภาพอื่นๆ เช่น ไคโรแพรคเตอร์ , แพทย์ทางด้านการจัดกระดูก โปรแกรมการรักษาทางกายภาพบำบัด ยังเกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการสาธารณสุขอื่นๆอีกด้วย
   นักกายภาพบำบัด จะใช้ประวัติทางการรักษา และข้อมูลจากการตรวจร่างกาย เพื่อประกอบการวินิจฉัยและ ให้การรักษา ถ้าหากว่าจำเป็น นักกายภาพบำบัดอาจจะต้องอาศัยข้อมูล หรือผลจากห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ และการศึกษาภาพถ่ายทางรังสีด้วย การตรวจวินิจฉัยทางไฟฟ้า (เช่น การตรวจคลื่นกล้ามเนื้อไฟฟ้า, การวัดความเร็วการนำกระแสประสาท) ยังสามารถช่วยในการวินิจฉัยได้


กายภาพบำบัดในประเทศไทย
  ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพกายภาพบำบัด พ.ศ. 2547 ได้ให้ความหมายของวิชาชีพกายภาพบำบัดไว้ว่า "เป็นวิชาชีพที่กระทำต่อมนุษย์เกี่ยวกับการตรวจประเมิน การวินิจฉัย และการบำบัดความบกพร่องของร่างกาย ซึ่งเกิดเนื่องจากภาวะของโรคหรือการเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติ การป้องกัน การแก้ไขและการฟื้นฟูการเสื่อมสภาพความพิการของร่างกาย รวมทั้งการส่งเสริมสุขภาพร่างกายและจิตใจ ด้วยวิธีการทางกายภาพบำบัด หรือการใช้อุปกรณ์ทางกายภาพบำบัด

ระบบหัวใจและหลอดเลือด (Cardiopulmonary)
นักกายภาพบำบัดในระบบหลอดเลือดหัวใจและปอด จะรักษาผู้ป่วยทั้งหลาย ที่มีความผิดปกติของระบบหัวใจและหลอดเลือด หรือ ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจและปอด เป้าหมายหลัก และการทำหัตถการต่อผู้ป่วย ในส่วนนี้ (รวมไปถึงการเพิ่มความทนทานของการทำงาน และการใช้ชีวิตได้โดยอิสระของผู้ป่วย) คือ เพื่อระบายของเสียออกจากปอด ซึ่งพบได้ในผู้ป่วยที่เป็น Cystic fibrosis หรือ ผังผืดที่ถุงลม (โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากมีเสมหะเหนียวแห้ง), ผู้ป่วยที่มีความผิดปรกติที่ระบบหัวใจ รวมถึง หัวใจวาย, ผู้ป่วยหลังทำการผ่าตัดเปลี่ยนทางเดินหลอดเลือดหัวใจ (CABG) หรือ Bypass, โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือ COPD, Pulmonary fibrosis หรือ พังผืดเกาะในปอด คือตัวอย่างส่วนหนึ่ง สำหรับผู้ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านกายภาพบำบัดระบบหัวใจและหลอดเลือด

แหล่งอ้างอิง
 http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%B3%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%94
 http://www.youtube.com/watch?v=pNhRrWG9eNQ